015

 

          ความตั้งใจทำ “ความดี” ของคนแต่ละช่วงวัยเป็นอย่างไร คือ คำถามที่ทีมนวัตกรรมองค์ความรู้ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) นำมาออกแบบแบบสอบถามเก็บข้อมูลการตั้งปณิธานทำความดีของคนในสังคมไทย เพื่อสนับสนุนโครงการ 70 บุคคลต้นแบบ 7 ล้านความดี “ทำดีตามรอยพ่อ สานต่องานที่พ่อทำ” และเพื่อนำข้อมูลนี้มาวิเคราะห์จัดทำเป็นรายงานสถานการณ์การตั้งใจทำความดีของคนทุกช่วงวัย ปี 2559-2560

 

          ทีมงานออกแบบประเด็นคำถามโดยเชื่อมโยงประเด็นการตั้งใจทำความดีของคนในสังคมไทย ซึ่งเป็นเรื่องในชีวิตประจำวันเข้ากับแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติฉบับที่ 1 (พ.ศ.2559-2564) ที่มุ่งขับเคลื่อนคุณธรรม 4 ประเด็น คือ พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

 

          อย่างไรก็ตาม ทีมงานตระหนักดีว่าท่ามกลางความหลากหลายของคนในสังคม การระบุประเด็นการตั้งใจทำความดีไว้เฉพาะคุณธรรม 4 ประเด็นข้างต้น อาจเป็นการ “สร้างกรอบ” การความตั้งใจทำความดีของคนในสังคมมากเกินไป ด้วยเหตุนี้แบบสอบถามจึงมีคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบเลือกนิยาม “ความดี” ที่ตนเองตั้งใจทำอย่างอิสระอีกส่วนหนึ่ง นอกเหนือจากส่วนที่เลือกตอบแบบปรนัย

 

          การเก็บข้อมูลดำเนินการใน 2 แบบ คือ 1. เก็บข้อมูลจากแบบสอบถาม ดำเนินการมาตั้งแต่พฤศจิกายน 2559 ในโครงการ 70 บุคคลต้นแบบ 7 ล้านความดี กิจกรรมของศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) เช่น งานสมัชชาคุณธรรมระดับภูมิภาค และกิจกรรมที่จัดร่วมกับภาคีเครือข่าย 2. เก็บข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ ดำเนินการมาตั้งแต่ธันวาคม 2559 ผ่านเว็บไซต์ของศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)

 

          ผลการเก็บข้อมูลถึงวันที่ 10 มีนาคม 2560 พบว่ามีผู้ร่วมตั้งปณิธานความดี จำนวน 3,693 คน ในจำนวนนี้ระบุว่าเป็นเพศหญิง 2,576 คน (66.4%) เพศชาย 1,303 คน (33.6%) เมื่อจัดกลุ่มตามระดับการศึกษาพบว่า อันดับแรก ปริญญาตรี (1,471 คน คิดเป็น 40.3%) อันดับสอง ปริญญาโท (835 คน คิดเป็น 22.9%) และอันดับสาม มัธยมศึกษา (697 คน คิดเป็น 19.1%) และถ้าแบ่งตามอาชีพ อันดับแรก รับราชการ (1,653 คน คิดเป็น 46.7%) อันดับสอง อื่นๆ เช่น นักเรียน แม่บ้าน ข้าราชการบำนาญ (1,058 คน คิดเป็น 29.9%) และอันดับสาม ภาคเอกชน (226 คน คิดเป็น 6.4%)

 

          ทีมงานได้จัดการข้อมูลโดยแบ่งผู้ร่วมตั้งปณิธานตามช่วงวัย (Generation) 4 ช่วงวัย ดังนี้          1. Baby boomer คือ ผู้ที่เกิดปี 2489-2507 (อายุ 53-71 ปี) 2. Generation X คือ ผู้ที่เกิดปี 2508-2522 (อายุ 38-52 ปี) 3. Generation Y คือ ผู้ที่เกิดปี 2523-2540 (อายุ 20-37 ปี) และ 4. Generation Me คือ ผู้ที่เกิดหลังปี 2540 (อายุ 20 ปีลงมา)

 

ข้อมูลการตั้งปณิธานตามช่วงวัย พบว่าผู้ตั้งปณิธานมากเป็นอันดับแรก คือ Generation X อันดับสอง มี 2 ช่วงวัย คือ Baby boomer และ Generation Me อันดับสาม คือ Generation Y คุณธรรมข้อที่ทุกช่วงวัยให้ความสำคัญมากเป็นอันดับหนึ่ง คือ พอเพียง ตามมาด้วย วินัย จิตอาสา และสุจริต

 

          เป็นที่น่าสังเกตว่าคุณธรรมแต่ละประเด็นนั้นมีการให้ “น้ำหนัก” ที่แตกต่างกันของคนแต่ละช่วงวัย โดย “พอเพียง” ที่คน  3 ช่วงวัย คือ 1. Generation Me 2. Generation X และ 3. Baby boomer ให้ความสำคัญ คือ การประหยัด ใช้เงินอย่างรู้คุณค่า ขณะที่ Generation Y ให้ความสำคัญกับการเก็บออม ซึ่งอาจมองได้ว่าสัมพันธ์กับวิถีชีวิตที่เพิ่งก้าวสู่วัยทำงาน การเก็บออมเพื่อสร้างความมั่นคง จึงเป็นชุดความคิดที่สำคัญชุดหนึ่งของคนวัยนี้

 

           “วินัย” Generation Y, Generation X และ Baby boomer ให้ความสำคัญในมิติทางเศรษฐกิจ คือ วินัยในการใช้จ่าย ขณะที่ Generation Me ให้ความสำคัญในมิติของเวลา คือ การใช้เวลาให้เป็นประโยชน์

 

          “จิตอาสา” ที่ Generation Me, Generation Y และ Baby boomer ให้ความสำคัญ คือ การเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสา ขณะที่ Generation X ให้ความสำคัญกับการรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม ข้อมูลชุดนี้สะท้อนว่าคนใน 3 ช่วงวัย คือ Generation Me, Generation Y และ Baby boomer มองว่าจิตอาสา คือ ความตั้งใจที่จะมีประสบการณ์ตรง ขณะที่ Generation X จิตอาสาอาจเป็นการทำตามสถานการณ์  “สุจริต” Generation Me และ Generation X ให้ความสำคัญในมิติของความสัมพันธ์ทางสังคม จากการปฏิบัติตามคำพูด รักษาสัญญา ขณะที่ Generation Y และ Baby boomer เชื่อมโยงอยู่กับความเป็นพลเมืองของรัฐ และอำนาจในการบริหาร (ซึ่งมาพร้อมกับวัยที่มากขึ้น) โดย Generation Y ให้ความสำคัญกับการเสียภาษีตามหน้าที่ ขณะที่ Baby boomer ให้ความสำคัญกับการไม่เบียดบังของหลวง ไม่คอร์รัปชั่น

 

          ในส่วนของข้อมูลเชิงคุณภาพที่มาจากการเขียนบรรยาย เพื่อตอบคำถามที่ตั้งไว้สองประเด็น คือ ปณิธาน และสิ่งที่ตั้งใจทำให้สำเร็จภายใน 1 ปี จากการประมวลข้อมูลเบื้องต้น พบว่าการตั้งปณิธานความดีของผู้คนนั้นเชื่อมโยงกับตำแหน่งแห่งที่ทางสังคมแต่ละช่วงวัย กรณีของ Generation Me ความดีที่อยากทำเกี่ยวข้องกับครอบครัว และโรงเรียน เช่น เคารพพ่อแม่ รับผิดชอบต่อการเรียน ส่วนวัยทำงาน     ทั้ง Generation X และ Generation Y รวมทั้ง Baby boomer เกี่ยวข้องกับการทำงานตามที่รับผิดชอบให้ออกมาดีและมีนัยสำคัญต่อการพัฒนาสังคม เช่น ครูที่ตั้งใจสอนหนังสือ ข้าราชการที่ทำงานในส่วนงานที่รับผิดชอบอย่างตั้งใจ พัฒนาชุมชนที่ทำงานร่วมกับชุมชนด้วยการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วม เกษตรกรที่เลือกทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อรับผิดชอบต่อผู้บริโภค

 

          เป็นที่น่าสังเกตว่าการตั้งปณิธานและเป้าหมายที่จะทำให้สำเร็จภายใน 1 ปี ของทุกช่วงวัย ขยายพรมแดนจากพื้นที่ชีวิตส่วนตัวไปสู่พื้นที่สาธารณะอย่างชัดเจน ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น บริจาคโลหิต บริจาคเส้นผมสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง อาสาสมัครร้องเพลงให้ผู้รอรับการรักษาที่โรงพยาบาล อาสาสมัครช่วยเหลือผู้พิการ ช่วยคัดแยกขยะในชุมชน เข้าร่วมกิจกรรมค่ายอาสา

 

          ข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพเกี่ยวกับการตั้งปณิธานความดีของคนในสังคมไทยที่กล่าวมานั้น เป็นภาพสะท้อนถึงความตั้งใจของคนหลากวัยที่มีต่อการทำความดี ซึ่งไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันว่าทุกคนทำตามที่ตั้งใจได้ทั้งหมด แต่ข้อมูลนี้มีนัยสำคัญในฐานะที่เป็นจุดเริ่มของการ “ปักหมุด” ความดีที่อยากทำในแบบฉบับของตนเอง

 

          ถ้ามองในภาพกว้าง ข้อมูลชุดนี้ทำให้เห็นถึงการนิยาม “ความดี” ที่หลากหลายของคนแต่ละช่วงวัย ซึ่งการทำงานขับเคลื่อนให้คนในสังคมตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องคุณธรรม ต้องไม่ละเลยประเด็นนี้ เพราะเรื่องของคุณธรรม ไม่สามารถนิยามแบบผูกขาดจากคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือคนรุ่นใดรุ่นหนึ่งได้ แต่ต้องเปิดพื้นที่ให้คนหลากหลายกลุ่มมาร่วมกันนิยาม การขับเคลื่อนจึงจะเกิดขึ้นได้จริง เพราะมาจากความต้องการและกระบวนการมีส่วนร่วมของคนในสังคม

 

          บทความนี้เป็นการประมวลผลเบื้องต้น และยังไม่ใช่บทสรุปของรายงานสถานการณ์การตั้งใจทำความดีของคนทุกช่วงวัย ปี 2559-2560 การเก็บข้อมูลยังดำเนินการจนถึงกันยายน 2560 ผู้ที่สนใจเป็นส่วนหนึ่งในรายงานนี้ สามารถเข้าไปร่วมตั้งปณิธานได้ที่ http://www.moralcenter.or.th/

 

* เผยแพร่ในคอลัมน์จิตวิวัฒน์ มติชน 15 เมษายน 2560  https://www.matichon.co.th/news/528962