ทำไม ผมต้องเขียนเชียร์ให้ชุมชนกำหนดธรรมนูญหมู่บ้าน เป็นฐานของการสร้างคุณธรรมความดี ในสังคมไทย ..
เพราะเชื่อจากเหตุการณ์ที่เกิดวิกฤติบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเกิดจากคน จากธรรมชาติ รวมถึงสิ่งลี้ลับที่เรามองไม่เห็น หมู่บ้านที่มีฐานธรรมนูญหมู่บ้านที่เข้มแข็ง สามารถผ่านอุปสรรคไปได้อย่างดี และยังสามารถไปช่วยเหลือชุมชนภายนอกได้ด้วย ...
เพราะหมู่บ้านที่มีการกำหนดธรรมนูญ(ความสุข) ของหมู่บ้าน จะเน้นการพัฒนาแบบสมดุล ครบทุกมิติของชีวิต ประกอบด้วย การส่งเสริมการทำความดีและรักษาวัฒนธรรมดี เป็นกระดุมเม็ดแรก กระดุมเม็ดนี้ทำให้คนในหมู่บ้านมีวินัยในตนเอง ปฏิบัติตามกติกาของสังคม ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ยึดมั่นในการทำความดี ละชั่ว กลัวบาป รักชาติ จงรักภักดีเป็นพื้นฐาน ทำให้คนในชุมชนอยู่อย่างสงบ อุ่นใจ และไร้ปัญหาในสังคม
การมีคนดีที่คิดบวก อย่างเดียวไม่พอ ชุมชนต้องมีกระดุมเม็ดที่สอง คือ มีปัญญา มีการเรียนรู้ เข้าถึงข้อมูลจริง ข้อเท็จจริงของข่าวสาร ไม่หลงงมงายหรือตื่นกลัวจากข่าว Fake News ต่างๆ รุ้จักหาความรุ้ภายนอก มาพัฒนาตนเอง ทำให้รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
กระดุมเม็ดต่อมา ใช่ว่าจะเป็นคนดี มีปัญญาเท่านั้น แล้วชีวิตคนจะมีความสุขได้ ชุมชนต้องมีหลักธรรมนูญหมู่บ้าน ส่งเสริมให้คนในชุมชนต้องมีอาชีพ มีรายได้ที่สมดุลกับการดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก อาหารมีพร้อม เสบียงพอ กักตัวเป็นเดือนๆ ก็สามารถอยู่ได้ เพราะความมั่นคงทางอาหารมีพร้อม นี่ก็เป็นธรรมนูญอีกด้านที่ต้องมีการเตรียมพร้อม
กระดุมเม็ดต่อมา แม้จะมีอยู่ มีกิน ก็ไม่สุขพอ ถ้าสุขภาพไม่ดี ไม่แข็งแรง คนในชุมชนต้องมีระบบสุขภาพที่ดี รู้จักดูแลรักษา ป้องกันตนเองจากโรคภัยพื้นฐาน จนถึงโรคที่ร้ายแรง มีการออกกำลังกายที่ถูกวิธี มีระบบอาสาสมัครสาธารณสุขที่พร้อมต่อการให้การแนะนำช่วยเหลือเท่าทัน
กระดุมเม็ดต่อมา แม้จะมีปัญญาเท่าทัน มีอยู่มีกิน มีสุขภาพดี ก็ยังไม่พอ ชุมชนนั้นๆ ต้องมีธรรมนูญหมู่บ้านว่าด้วยทรัพยากรสิ่งแวดล้อมดี คือ อยุ่ในที่ที่เหมาะสม สะอาด ปลอดภัย ร่มรื่น อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ ต้นไม้ ป่า เขา นา เล ปราศจากมลพิษ กลิ่น เสียง หน้าบ้านน่ามอง ชวนให้น่าอยู่ น่าอาศัย นี่ก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ
กระดุมเม็ดต่อมา ใช่ว่าจะมีปัจจัยข้างต้นนั้นดีแล้ว เพียงพอแล้ว ชุมชนต้องมีธรรมนูญหมู่บ้านด้านสังคมอบอุ่น ต้องดูแลกันและกัน มีสวัสดิการชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย เป็นชุมชนที่ไม่ทอดทิ้งกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง หรือ ให้เป็นภาระของสังคม ช่วยเหลือแบ่งปันกันและกัน ในยามทุกข์ยากลำบาก ก็รู้จักให้ เป็นหน้าที่
กระดุมเม็ดต่อมา ชุมชนต้องมีธรรมนูญหมู่บ้านว่าด้วยความสงบสุข ปราศจากอาชญากรรม คือ ต้องจัดระบบชุมชนให้มีการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีอาสาสมัครที่ดูแลระบบความปลอดภัยชุมชน หมุ่บ้าน คอยคุ้มครอง รักษาความสงบสุข หมู่บ้านและลูกหลานตนเอง ให้กินอิ่ม นอนอุ่น ปราศจากคดีหรืออาชญากรรมต่างๆ
กระดุมเม็ดต่อมา ชุมชนต้องมีธรรมนูญหมู่บ้านด้านทุนพึ่งพาตนเอง ไม่รอแต่ทุนภายนอก หรือคอยการช่วยเหลืออย่างเดียว ระบบทุนของชุมชนที่เป็นกองทุนกลาง สามารถหาได้จากทุนทางทรัพยากรที่มี หรือ รายได้จากการระดมทุน เพื่อนำมาใช้ในการบรรเทาปัดเป่าความเดือดร้อน เช่น จะซื้อเจลล้างมือ หน้ากากอนามัย จะซ่อมแซมบ้านที่ถูกพายุฤดูร้อน หรือจะซ่อมถนนหนทาง ไฟฟ้า ประปา ในหมู่บ้านก็ทำได้ เพราะเป็นทุนของหมู่บ้าน เสมือนรัฐบาลกลางที่มีเงินงบกลางของประเทศ ซึ่งหมุ่บ้านใดมีกองทุนพึ่งพาตนเองมากๆ หลังวิกฤติครั้งนี้ ก็จะฟื้นตัวเร็ว เพราะมีทุนเดิม
ประการสุดท้าย หมู่บ้านต้องมีสภาผู้นำหมู่บ้านที่เข้มแข็ง เป็นเสมือนขา ที่ทำหน้าที่รองรับการขับเคลื่อนการพัฒนา เพื่อเดินไปสู่เป้าหมายสันติสุขของหมู่บ้าน ซึ่งถ้าเทียบกับปัจจุบัน เรามี กม.เป็นสภาผู้นำหมู่บ้าน ก็เท่ากับ เรามีคณะรัฐบาลหมู่บ้าน กว่า ๘๐,๐๐๐ คณะ ที่คอยจัดการตนเองได้ทุกเรื่อง ที่ไม่รอแต่คอยรับจากรัฐบาลกลางเท่านั้น
จะเห็นได้เลยว่า หมู่บ้านใด ที่พัฒนาระบบชุมชนตนเอง ร่วมมือรวมพลัง บวร. สร้างธรรมนูญหมู่บ้านรองรับการพัฒนา หมู่บ้านนั้น จะเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้มาก ดังที่เราเห็นจากข่าวอยู่เสมอๆ ในช่วงเวลานี้ และหมู่บ้านแบบนี้ต่างหาก ที่รัฐบาลต้องหันมาให้ความใส่ใจ ที่จะยกระดับและขยายผลในอนาคต ไม่ใช่แค่การเอาเงินลงไป โดยไม่มีฐานที่ดีรองรับ
อยากเห็นชุมชนอ่อนแอ ก็ทำแบบเดิมๆ ให้รอการพึ่งพา อยากเห็นประเทศชาติเข้มแข็ง ก็ต่้องพัฒนาให้เขาพึ่งพาตนเอง ไม่ใช่รอทุกอย่างจากรัฐ รู้ทั้งรู้ว่าพึ่งพาตนเองจากฐานราก จะทำให้ประเทศเข้มแข็ง แต่ก็อยากให้อ่อนแอไว้ๆ เพื่อให้ชาวบ้านเดินตามผู้ปกครอง ไม่รู้เราจะเดินไปแบบนี้กันไปถึงไหน ถึงจะเปลี่ยน ...